ารค้นพบและลักษณะรูปร่างของเซลล์สิ่งมีชีวิต
การค้นพบเซลล์สิ่งมีชีิวิต
อันตน ฟัน เลเวนฮุก (Anton Van Leewenhock)
นักวิทยาศาสตร์ชาวดัทซ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์เป็นคนแรก คือ อันตน ฟัน
เลเวนฮุก (Anton Van Leewenhock) เขาใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูหยดน้ำ ทำให้
ค้นพบสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นครั้งแรก
เลเวนฮุก (Anton Van Leewenhock) เขาใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูหยดน้ำ ทำให้
ค้นพบสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นครั้งแรก
รอเบิรต์ฮุก (Robert Hooke)
พ.ศ. 2208 รอเบิรต์ ฮุก (Robert Hooke) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์
กล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงประมาณ 270 เท่า มาใช้ศึกษาชิ้นไม้คอร์ก
ที่ผ่านเป็นแผ่นบาง ๆ พบว่าชิ้นไม้คอร์กประกอบไปด้วยช่องขนาดเล็กมากมายเรียงติดกัน ช่องเหล่านี้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเกือบกลม เขาเรียกแต่ละช่องนั้นว่า เซลล์ ( cell) ซึ่งแปลว่า ห้องว่าง
กล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงประมาณ 270 เท่า มาใช้ศึกษาชิ้นไม้คอร์ก
ที่ผ่านเป็นแผ่นบาง ๆ พบว่าชิ้นไม้คอร์กประกอบไปด้วยช่องขนาดเล็กมากมายเรียงติดกัน ช่องเหล่านี้มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเกือบกลม เขาเรียกแต่ละช่องนั้นว่า เซลล์ ( cell) ซึ่งแปลว่า ห้องว่าง
ดิวโทรเชท์ (Dutrochet)
พ.ศ. 2367 ดิวโทรเชท์ (Dutrochet) นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
ได้ศึกษาเนื้อเยื่อพืช และสัตว์พบว่าประกอบไปด้วยเซลล์
ได้ศึกษาเนื้อเยื่อพืช และสัตว์พบว่าประกอบไปด้วยเซลล์
รอเบิรต์ บราวน์ ( Robert Brown)
พ.ศ. 2374 รอเบิรต์ บราวน์ ( Robert Brown) นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษศึกษาเซลล์พบก้อนกลมเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางเซลล์พืช เรียกก้อนกลมนั้นว่า นิวเคลียส
มัดทิอัส ยาคบ ชไลเดน ( Matthias Jakob Schleiden)
พ.ศ. 2381 มัดทิอัส ยาคบ ชไลเดน ( Matthias Jakob Schleiden) นักพฤกษศาสตร์ชาว เยอรมัน ค้นพบว่าเนื้อเยื่อพืชทุกชนิดประกอบไปด้วยเซลล์
เทโอดอร์ ชวานน์ (Theoder Schwann)
พ.ศ. 2382 เทโอดอร์ ชวานน์ (Theoder Schwann) นักสัตวศาสตร์ชาวเยอรมันพบว่า เนื้อเยื่อสัตว์ทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์
ชวานน์และชไลเดน จึงรวมกันตั้งทฤษฏีเซลล์ขึ้นมาซึ่งมีใจความสำคัญว่า “ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายประกอบด้วยเซลล์ และเซลล์คือหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด”ลักษณะรูปร่างของเซลล์สิ่งมีชีวิต
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม จะประกอบด้วยหน่วยที่เล็กที่สุด แต่มีความสำคัญต่อชีวิตมากที่สุดเรียกว่า เซลล์ (Cell )
เซลล์ (Cell ) คือ หน่วยเล็ก ๆ ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญ
ของสิ่งมีชีวิต เซลล์ของสิ่งมีชีวิตอาจมีรูปร่างและส่วนประกอบที่แตกต่างกัน
เพื่อความเหมาะสมกับหน้าที่การงาน
เพื่อความเหมาะสมกับหน้าที่การงาน
สิ่งมีชีวิตมีทั้งสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์เซลล์ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
จะมี ลักษณะและรูปร่างแตกต่างกัน ดังนี้
1. สิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์เพียงเซลล์เดียว เรียกว่า สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น การศึกษาต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดู สามารถทำกิจกรรมทุกอย่างที่สิ่งมีชีวิตทั่ว ๆ ไปทำได้ เช่น เคลื่อนไหว กินอาหาร สืบพันธุ์ เช่น1.1 อะมีบา รูปร่างไม่แน่นอน เคลื่อนที่โดยใช้ ขาเทียม1.2 พารามีเซียม รูปร่างเรียวยาว คล้ายรองเท้าแตะ มีขนรอบ ๆ ตัว และใช้ขนในการเคลื่อนที่1.3 ยูกลีนา รูปร่างรียาว มีแฟลกเจลลา ( แส้) อยู่บริเวณด้านบนซึ่งใช้ในการเคลื่อนที่2. สิ่งมีชีวิตที่มีเซลล์หลายเซลล์ มารวมกันเป็นรูปร่างโดยแต่ละเซลล์จะมีรูปร่างและหน้าที่แตกต่างกันแต่มีการทำงาน
ประสานกันของเซลล์ทั้งหมดที่ประกอบกันเป็นรูปร่างอันมีผลทำให้สิ่งมีชีวิตนั้น ๆ
สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ นอกจากนั้นเซลล์ใหม่จะเกิดจากกระบวนการแบ่งเซลล์
ของเซลล์ที่มีชีวิตอยู่ก่อน และเซลล์ใหม่จะได้รับการถ่ายทอด ลักษณะทางพันธุกรรม
จากเซลล์เดิมด้วย เรียกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ว่า สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ ได้แก่
พืช สัตว์ มนุษย์ และ เห็ดรา เซลล์ของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่มีขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นได้แก่2.1 เซลล์สัตว์ เช่น2.1.1 เซลล์เม็ดเลือดแดงของกบและปลา มีรูปร่างรีเป็นรูปไขและมีนิวเคลียสใหญ่อยู่ตรงกลาง ทำหน้าที่ลำเลียงแก๊สไปยัง
เซลล์ต่างๆของร่างกาย2.1.2 เซลล์เม็ดเลือดแดงของคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีรูปร่างกลมแบน ตรงกลางเว้าเข้าหากัน ไม่มีนิวเคลียส เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวในการแลกเปลี่ยนแก๊สและลำเลียงแก๊ส2.1.3 เซลล์เม็ดเลือดขาวของคน มีรูปร่างกลม ไม่มีสี มีขนาดใหญ่กว่า
เซลล์เม็ดเลือดแดง แต่มีจำนวนน้อยกว่า มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ทำหน้าที่ทำลายเชื้อโรค2.1.4 เซลล์ไข่ของสัตว์ปีก คือส่วนที่เป็นไข่แดงนั่นเอง2.1.5 เซลล์อสุจิของคน ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ลำตัว และหางโดยหางเป็นโครงสร้างที่ใช้ในการเคลื่อนที่ี่2.1.6 เซลล์กล้ามเนื้อของคน มีลักษณะยาวเรียว เพื่อให้เหมาะต่อการ
ยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ2.2 เซลล์พืช เช่น เซลล์ต่าง ๆ ในใบไม้
2.2.1. เซลล์ผิวใบ อยู่นอกสุดของใบ มีรูปร่างเป็นช่องสี่เหลี่ยม มีสารคล้ายขี้ผึ้งขาว ๆ ปกคลุมอยู่ ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำ
2.2.2. เซลล์คุม มีรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่ว 1 คู่ประกบกัน ทำให้เกิดรูตรงกลาง เป็นทางแลกเปลี่ยนแก๊สและไอน้ำระหว่างภายในและภายนอกใบซึ่งเซลล์คุมนี้
จะไม่พบในพืชใต้น้ำ
จะไม่พบในพืชใต้น้ำ
2.2.3.เซลล์ชั้นในของใบ มีรูปร่างยาวต่อกันภายในมีเม็ดคลอโรพลาสต์จำนวนมาก
การจัดระบบของเซลล์เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ
สิ่งมีชีวิตหลายเซลล์จะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะจำนวนมากมายมาประกอบกันเป็นรูปร่าง เช่นคน จะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะมาประกอบกันเป็นสมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร ฯลฯ และประกอบกันเป็นร่างกาย พืชเช่นกัน พืชจะมีเซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะมาประกอบกัน
เป็นราก ลำต้น ใบ ดอก และประกอบกันเป็นต้นพืช
เป็นราก ลำต้น ใบ ดอก และประกอบกันเป็นต้นพืช
ตารางแสดงการจัดระบบของเซลล์เพื่อทำหน้าที่เฉพาะ
พืช
| |
เซลล์
|
เซลล์
|
เนื้อเยื่อ
|
เนื้ือเยื่อ
|
อวัยวะ
| |
ระบบ
|
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์
เซลล์พืชและเซลล์สัตว์ถึงแม้จะมีลักษณะและรูปร่างแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดและ
การทำหน้าที่ของเซลล์ แต่ก็มีโครงสร้างพื้นฐานหรือส่วนประกอบที่สำคัญภายในเซลล์
คล้ายคลึงกัน ดังภาพ
การทำหน้าที่ของเซลล์ แต่ก็มีโครงสร้างพื้นฐานหรือส่วนประกอบที่สำคัญภายในเซลล์
คล้ายคลึงกัน ดังภาพ
โครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่คล้ายกัน คือประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ ๆ ดังนี้
- ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์
- ไซโทพลาซึม
- นิวเคลียส
ส่วนที่ห่อหุ้มเซลล์
ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ผนังเซลล์ และเยื่อหุ้มเซลล์
1. ผนังเซลล์ (cell wall) เป็นผนังแข็งแรงอยู่ชั้นนอกสุด มีลักษณะเป็นรูพรุนยอมให้สารผ่านเข้าออกได้สะดวก ประกอบขึ้นจากสารเซลลูโลส (cellulose) เป็นสำคัญ ช่วยให้เซลล์พืชแข็งแรงทนทานอยู่ได้นานนับปี แม้ว่าเซลล์อาจตายไปแล้วก็ตาม และถ้านำเซลล์พืชแก่ ๆ ไปแช่ในน้ำกลั่น เซลล์ก็จะไม่แตก เพราะผนังเซลล์มีแรงต้านสูง ส่วนเซลล์ของสัตว์ไม่มีผนังเซลล์แต่เซลล์สัตว์บางชนิดอาจมีสารเคลือบเยื่อหุ้มเซลล์ได้ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของเซลล์นั้น ๆ ตัวอย่างเช่น เปลือกกุ้ง กระดองปู มีสารเคลือบพวกไกลโคโปรตีน ( glycoprotein) เซลล์ของพวกไดอะตอม มีสารเคลือบเป็นพวกซิลิกา สารเคลือบเหล่นนี้มีประโยชน์ทำให้เซลล์คงรูปร่างได้
2. เยื่อหุ้มเซลล์ ( cell membrane หรือ plasma membrane) อยู่ถัดจากผนังเซลล์เข้ามา มีลักษณะเป็นเยื่อบาง ๆ เหนียว
ประกอบด้วยสารประเภทไขมันและโปรตีน รวมกัน เรียกว่า
ไลโพโปรตีนเยื่อหุ้มเซลล์มีรูเล็กๆสามารถจำกัดขนาดของสารที่ผ่านเข้าออกได้
จึงมีสมบัติเป็นเยื่อเลือกผ่านซึ่งสารขนาดเล็กผ่านได้ ส่วนสารขนาดใหญ่ผ่านไม่ได้
เป็นตัวควบคุมปริมาณและชนิดของสารบางอย่างเช่น อาหาร อากาศ
และสารละลายเกลือแร่ต่างๆ และยังแสดงขอบเขตของเซลล์
และห่อหุ้มส่วนประกอบในเซลล์
ไซโทรพลาซึม (cytoplasm)
ไซโทพลาซึม ประกอบด้วยของเหลวซึ่งเป็นสารประกอบหลายชนิดรวมทั้งอวัยวะของเซลล์หรื์ อออร์แกเนลล(organelle) ต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกัน ที่สำคัญ ได้แก่
ไมโทคอนเดรีย (mitochondria) มีหน้าที่เผาผลาญอาหารเพื่อสร้างพลังงาน ATP ให้แก่เซลล์ (การหายใจของเซลล์) พบมากในเซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท และเซลล์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสิ่งขับถ่าย
ไลโซโซม ( lysosomes) มีลักษณะคล้ายถุงเล็ก ๆ ภายในมีเอนไซม์สำหรับย่อยสารต่าง ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ฟอสโฟไลพิด และสิ่งที่เซลล์ไม่ต้องกัน
ร่างแหเอนโดพลาซึมหรือเอนโดพลาสมิกเรติคิวลัม (endoplasmic
reticulum) ทำหน้าที่ขนส่งลำเลียงสิ่งต่าง ๆ ภายในเซลล์ไปยังเซลล์ข้างเคียง
กอลจิคอมเพลกซ์ ( golgi complex) หรือกอจิบอดี (golgi bodies) ทำหน้าที่สะสมโปรตีนเพื่ออัดแน่นส่งออกนอกเซลล์
คลอโรพลาสต์ (chloroplast) พบเฉพาะในเซลล์พืช ทำหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสง เนื่องจากเป็นที่อยู่ของคลอโรฟิลล์ (chlorophyll)
ไรโบโซม( ribosome) ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีนในเซลล์
เซนทริโอล (centriole) พบเฉพาะในเซลล์สัตว์ ทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และการเคลื่อนที่ของโครโมโซมของสัตว์
แวคิวโอล (vacuole) พบในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ มีขนาดใหญ่มากในเซลล์พืช ทำหน้าที่เก็บอาหารของเสีย และเป็นที่พักอาหารก่อนเข้าสู่ไซโทพลาซึม
ไมโทคอนเดรีย (mitochondria) มีหน้าที่เผาผลาญอาหารเพื่อสร้างพลังงาน ATP ให้แก่เซลล์ (การหายใจของเซลล์) พบมากในเซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท และเซลล์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสิ่งขับถ่าย
ไลโซโซม ( lysosomes) มีลักษณะคล้ายถุงเล็ก ๆ ภายในมีเอนไซม์สำหรับย่อยสารต่าง ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ฟอสโฟไลพิด และสิ่งที่เซลล์ไม่ต้องกัน
ร่างแหเอนโดพลาซึมหรือเอนโดพลาสมิกเรติคิวลัม (endoplasmic
reticulum) ทำหน้าที่ขนส่งลำเลียงสิ่งต่าง ๆ ภายในเซลล์ไปยังเซลล์ข้างเคียง
กอลจิคอมเพลกซ์ ( golgi complex) หรือกอจิบอดี (golgi bodies) ทำหน้าที่สะสมโปรตีนเพื่ออัดแน่นส่งออกนอกเซลล์
คลอโรพลาสต์ (chloroplast) พบเฉพาะในเซลล์พืช ทำหน้าที่สังเคราะห์ด้วยแสง เนื่องจากเป็นที่อยู่ของคลอโรฟิลล์ (chlorophyll)
ไรโบโซม( ribosome) ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีนในเซลล์
เซนทริโอล (centriole) พบเฉพาะในเซลล์สัตว์ ทำหน้าที่ช่วยในการแบ่งเซลล์และการเคลื่อนที่ของโครโมโซมของสัตว์
แวคิวโอล (vacuole) พบในเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ มีขนาดใหญ่มากในเซลล์พืช ทำหน้าที่เก็บอาหารของเสีย และเป็นที่พักอาหารก่อนเข้าสู่ไซโทพลาซึม
นิวเคลียส (nucleus)
นิวเคลียส เป็นส่วนที่สำคัญของเซลล์ โดยทั่วไปเซลล์จะมี 1 นิวเคลียสยกเว้นในเซลล์บางชนิด เช่น เซลล์พารามีเซียมมี 2 นิวเคลียส เป็นต้น นิวเคลียสเป็นโครงสร้างของเซลล์ที่เด่นชัดมากอาจจะอยู่ตรงกลางเซลล์ หรือค่อนไปข้างใดข้างหนึ่งของเซลล์ มีลักษณะเป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่
นิวเคลียสประกอบด้วยโครงสร้าง 2 ส่วน คือ
1 เยื่อหุ้มนิวเคลียส (nuclear membrane) เป็นเยื่อหุ้ม 2 ชั้น มีรูอยู่มากมายที่เรียกว่า นิวเคลียร์พอร์ (nuclear pores) ทำหน้าที่เป็นทางติดต่อกับร่างแหเอนโดพลาซึม เพื่อแลกเปลี่ยนสารระหว่างนิวเคลียสกับไซโทพลาซึม
2. สารในนิวเคลียส (nucleoplasm) เป็นส่วนที่อยู่ภายในนิวเคลียสทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำหรับเกิดปฏิกิริยา
เคมีต่างๆประกอบด้วย
นิวคลีโอลัส (nucleorus) ประกอบด้วยสาร RNA และ DNA เป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่สร้างไรโบโซม
โครมาทิน ( chromatin) เป็นเส้นใยเล็ก ๆ ยาว ๆ ขดไปมาเป็นร่างแห เมื่อหดตัวสั้น ๆ และหนาขึ้นเรียกว่า โครโมโซม (chromosome) ซึ่งประกอบด้วยโปรตีนและ DNA หรือที่เรียกว่า ยีน (Gene) และโปรตีนหลายชนิดบน DNA จะมีรหัสพันธุกรรมทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต
โครมาทิน ( chromatin) เป็นเส้นใยเล็ก ๆ ยาว ๆ ขดไปมาเป็นร่างแห เมื่อหดตัวสั้น ๆ และหนาขึ้นเรียกว่า โครโมโซม (chromosome) ซึ่งประกอบด้วยโปรตีนและ DNA หรือที่เรียกว่า ยีน (Gene) และโปรตีนหลายชนิดบน DNA จะมีรหัสพันธุกรรมทำหน้าที่ควบคุมลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต
นิวเคลียสมีหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรมจากพ่อแม่ไปสู่ลูกหลานและควบคุมกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของเซลล์ เช่นกระบวนการแบ่งเซลล์ การสังเคราะห์โปรตีน การสังเคราะห์เอนไซม์เป็นต้น
โครงสร้างพื้นฐานของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ตารางสรุปความแตกต่างระหว่างเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
เซลล์พืช | เซลล์สัตว์ |
1. โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นเหลี่ยม
6. ไม่มีไลโซโซม2. มีผนังเซลล์อยู่ภายนอกเยื่อหุ้มเซลล์ 3. มีคลอโรพลาสต์ 4. ไม่มีเซนทริโอล 5. มีแวคิวโอลขนาดใหญ่ |
1. ส่วนใหญ่มีลักษณะกลมหรือรี
6. มีไลโซโซม2. ไม่มีผนังเซลล์ มีเฉพาะเยื่อหุ้มเซลล์ 3. ไม่มีคลอโรพลาสต์ 4. มีเซนทริโอล 5. มีแวคิวโอลขนาดเล็ก |
เซลล์ที่ทำหน้าที่เฉพาะบางชนิดของพืช
เซลล์ที่บริเวณผิวใบของพืชนอกจากจะมีลักษณะเหมือนที่กล่าวมาแล้วยังมีเซลล์อีกชนิด
หนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วหันด้านเว้าเข้าประกบกันทำให้ตรงกลางเกิดเป็นช่องหรือ
รูเปิด เซลล์ที่บริเวณผิวใบของพืชนอกจากจะมีลักษณะเหมือนที่กล่าวมาแล้วยังมีเซลล์
อีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่วหันด้านเว้าเข้าประกบกันทำให้ตรงกลางเกิด
เป็นช่องหรือรูเปิด เรียกเซลล์ทั้งสองนี้ว่า เซลล์คุม (guard cell) และเรียนรวมทั้งเซลล์คุมและรูเปิดนี้ว่า ปากใบ (stomata)
ปากใบทำหน้าที่เป็นทางแลกเปลี่ยนก๊าซและไอน้ำระหว่างภายในและภายนอกใบ ภายในเซลล์คุมจะมีคลอโรพลาสต์ทำให้ส่วนนี้สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้ พบว่าพืชบกโดยทั่ว ๆ ไปจะมีเซลล์คุมและปากใบมากทางผิวใบด้านล่างเพื่อป้องกันไม่ให้
เกิดการสูญเสียน้ำไปได้ง่ายเกินไป ส่วนพืชน้ำที่มีใบลอยบนผิวน้ำ เช่น บัวสาย จะมีปากใบอยู่เฉพาะผิวใบด้านบนเพราะด้านล่างของใบแตะสัมผัสอยู่กับน้ำและพืชที่มี
ใบจมอยู่ใต้น้ำ เช่น สาหร่ายหางกระรอกจะไม่มีปากใบเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น